วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กำเนิดเว็บไซต์

  






เว็บไซต์แห่งแรกของโลกมีชื่อว่า http:info.cern.ch ปรากฏตัวบนโลกไซเบอร์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1991 สร้างโดย ทิม เบอร์เนอร์ส ลี นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์การเพื่อการวิจัยด้านนิวเคลียร์แห่งยุโรป (European Organization for Nuclear Research) หรือ CERN ที่ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 1989 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
       
        เบอร์เนอร์ส ลี ได้ไอเดียคิดสร้างเว็บไซต์ หลังจากที่ วินต์ เซิร์ฟ และบ็อบ คาห์น ได้สร้างระบบเครือข่ายเชื่อมต่อที่ใช้ส่งข้อมูลเป็นกลุ่มๆ จากคอมพิวเตอร์ผ่านสายเคเบิลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม "อินเทอร์เน็ต" ได้สำเร็จแล้วก่อนหน้านี้
       
        วัตถุประสงค์ในการสร้างเว็บไซต์ของเบอร์เนอร์ส ลี ก็เพื่อให้ผู้คนสามารถแชร์ข้อมูลต่างๆ ซึ่งมีอยู่เพียงชิ้นเดียวร่วมกันได้โดยอาศัยระบบอินเทอร์เน็ต กล่าวง่ายๆ ก็คือ แทนที่จะต้องส่งข้อมูลที่มีอยู่ในมือไปให้คนอื่นผลัดกันดู เราสามารถนั่งดูข้อมูลดังกล่าวได้ในเวลาพร้อมๆ กันบนเว็บไซต์โดยไม่ต้องอาศัยอยู่ที่เดียวกัน นั่นเอง
       
        ปัจจุบันเว็บไซต์ http:info.cern.ch ก็ยังคงมีอยู่ โดยเนื้อหาที่ปรากฏในเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการบอกเล่าถึงความเป็นมาของการเกิดเว็บไซต์แห่งนี้
       
        ขณะที่ เจ้าของไอเดียสร้างเว็บไซต์อย่าง เบอร์เนอร์ส ลี ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ ฉบับประจำวันที่ 14 มิถุนายน 1999 ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 20 ในฐานะที่เขาเป็นผู้ปลุกให้คนหันมาสนใจโลกแห่งไซเบอร์ในปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เศษหนึ่งส่วนเหงา : MARK [Lyrics Video]


เพ้อเจ้อ : ALARM9 [Official MV]


มื่อไหร่จะพบรักแท้สักที : เอก สุระเชษฐ์ [Official MV]


ถ้าคุณโทรมา (ใน10นาทีนี้)


ถ้าคุณโทรมา (ใน10นาทีนี้) 








สังคมในปัจจุบันมันคือสังคมอะไร ? และต่อไปสังคมนี้จะเป็นอย่างไร ?

สังคมในปัจจุบันมันคือสังคมอะไร ? และต่อไปสังคมนี้จะเป็นอย่างไร ?

สังคมในปัจจุบันมันคือสังคมอะไร ? และต่อไปสังคมนี้จะเป็นอย่างไร ?

สังคมในปัจจุบันมันคือสังคมอะไร ?
 และต่อไปสังคมนี้จะเป็นอย่างไร ?
“และเมื่อถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าจงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมาเถิด พวกเขาก็กล่าวว่า มิได้ เราจะปฏิบัติสิ่งที่เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเราเคยปฏิบัติมาเท่านั้น และแม้ได้ปรากฏว่าบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับแนวทางอันถูกต้องก็ตามกระนั้นหรือ ?”   (Al-Quran 2:170)

          สังคมในปัจจุบันนี้ที่ทุกอย่างกลายเป็นความเคยชิน ความชั่วกลายเป็นความดี ความเลวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนออกมาชื่นชม ความผิดกลายเป็นการปกป้องตนเองและครอบครัว จนทำให้เงินซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขอพระองค์โปรดชี้ทางนำด้วยเถิด

          ในศาสนาเดิมของยุซรอนั้นได้มีกฎข้อห้ามต่างๆแต่คนส่วนมากนั้นไม่ประพฤติปฏิบัติและไม่เห็นว่าสิ่งที่ห้ามปรามนั้นมันคือความผิดบาปที่น่ากลัว ทุกเรื่องที่เป็นความเลวและชั่วร้าย พวกเขาปฏิบัติกันจนเป็นความเคยชิน ที่ดูเหมือนไม่มีความผิด จนกลายเป็นสิ่งที่ใครไม่ทำหรือใครที่ประพฤติดีกลับกลายเป็นความผิดปกติของบุคคลคนนั้น

“และอุปมาบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น ดังผู้ที่ส่งเสียงตวาดสิ่งที่มันฟังไม่รู้เรื่อง นอกจากเสียงเรียกและเสียงตะโกนเท่านั้น พวกเขาคือคนหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจ”   (Al-Quran 2:171)

ไม่ฆ่าสัตว์แล้วพวกเราจะกินอะไร เพราะเราฆ่าสัตว์เพื่อเอาไปทำบุญ
ไม่ลักทรัพย์คือไม่ขโมย แต่ขโมยทั้งหลายเอาเงินที่ขโมยได้ไปทำบุญ
          ห้ามประพฤติผิดในกาม ห้ามผิดลูกเมีย ห้ามมีชู้ ห้ามมีภรรยาหลายคน ห้ามข่มขืนกระทำชำเรา แต่เปิดอาบอบนวดกันอย่างถูกกฎหมาย เปิดขายเหล้า เบียร์ เปิดโชว์ลามกอนาจาร ผู้หญิงขายตัวตามถนน โรงแรมม่านรูดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ร้านสะดวกซื้อขายถุงยางอนามัยกันอย่างเสรี
          ห้ามผู้ชายมีภรรยาหลายคนแต่มีเล็กมีน้อยข้างนอกโดยที่ภรรยาไม่รู้ได้ โดยไม่ผิดกฎหมายและไม่ต้องรับผิดชอบเธอเหล่านั้น คดีฆ่าข่มขืนหรือรุมโทรมผู้หญิง และผู้ที่โดนกระทำก็เป็นเด็กผู้หญิง “จนเพื่อนเราบางคนบอกว่าไม่อยู่หรอกสวรรค์ คนน้อยเดี๋ยวเหงา ไปอยู่ในนรกดีกว่าคนเยอะเพื่อนแยะสนุกกว่า” ถ้าพวกเขารู้ถึงความทรมานในนรกที่พระองค์ทรงเตรียมไว้คงไม่มีคำพูดแบบนี้อย่างแน่นอน

“ผู้ใดปรารถนาชีวิตชั่วคราว (ในโลกนี้) เราก็จะเร่งให้เขาได้รับมัน ตามที่เราประสงค์แก่ผู้ที่เราปรารถนา แล้วเราได้เตรียมนรกไว้สำหรับเขา เขาจะเข้าไปอย่างถูกเหยียดหยามและถูกขับไส”  (Al-Quran 17:18)

          ห้ามพูดปด ห้ามพูดเท็จ ห้ามโกหก ห้ามพูดจาส่อเสียด ห้ามนินทาว่าร้าย ลูกโกหกพ่อแม่เพื่อออกไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนโกหกเพื่อน พี่น้องโกหกกันเอง การนินทาว่าร้ายกันตามหนังสือพิมพ์ดาราหรือ แม้แต่วงสังคมที่เรียกตนเองว่าอยู่ใน “สังคมชั้นสูง” แต่การกระทำที่แสดงออกมานั้นมันคือความตกต่ำของสังคม
          ห้ามดื่มสุรา ห้ามเสพของมึนเมาหรือยาเสพติด ห้ามเล่นการพนัน ความจริงที่ปรากฏคือรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนในกิจการยาสูบ โรงเหล้า เบียร์เป็นของผู้บริหารและเศรษฐีระดับประเทศที่สนับสนุนรัฐบาล ภาษีส่วนใหญ่ที่ได้มาจากการซื้อขายภายในและการนำเข้าของผลิตภัณฑ์สุรา ยาสูบต่างประเทศ  เงินที่นำมารณรงค์ให้คนไม่สูบบุหรี่มาจากภาษีที่เก็บได้จากบุหรี่  ร้านอาหาร ผับบาร์เปิดขายเหล้ากันอย่างเสรี และคนส่วนมากที่ตายกันช่วงเทศกาลต่างๆ มาจากพิษของสุรา การเมาแล้วขับจนทำลายสถิติการตายเป็นเรื่องธรรมดา รู้ทั้งรู้ว่ามีคนต้องตายอีกมากมายแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จริงๆ แล้วการเกิดอุบัติเหตุเป็นเรื่องใหญ่ และสามารถป้องกันได้แต่ไม่มีรัฐบาลไหนสามารถแก้ไขได้เลย
          ยาเสพติดสารต้องห้ามขายกันเกลื่อนทั้งในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ในแหล่งชุมชนต่างๆและประชาชนหรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ รู้กันอยู่ว่าใครเป็นผู้ที่ทำสิ่งที่ทำลายประเทศชาติ ใครเป็นคนขายแต่ไม่เคยที่จะจับหัวหน้าได้ ได้แต่ลูกสมุนที่ตายแทนลูกพี่และแพะทั้งหลายก็รับบาปไปตามระเบียบ ยาเสพติดกลับกลายเป็นสิ่งที่วัยรุ่นนำมาใช้เพื่อโอ้อวดความสามารถ นี่คือความโง่เขลาที่พวกเขาทั้งหลายไม่เคยคิด ไม่เคยใช้สติปัญญาในการศึกษา

“และหลังจากนั้นหัวใจของพวกเจ้าก็แข็งกระด้าง มันประดุจหิน หรือแข็งกระด้างยิ่งกว่า และแท้จริงจากบรรดาหินนั้น มีส่วนที่บรรดาธารน้ำพวยพุ่งออกจากมัน และแท้จริงจากบรรดาหินนั้นมีส่วนที่แตกแยกออก แล้วมีน้ำออกจากมัน และแท้จริงจากบรรดาหินนั้น มีส่วนที่ทลายลง เนื่องจากความเกรงกลัวอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงเผลอต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน” (Al-Quran 2:74)

          ปัญหาครอบครัวความแตกแยก ความไม่เข้าใจกันเยาวชนทั้งหลายหันไปพึ่งสุรา ยาเสพติด หันหน้าไปปรึกษาปัญหาต่างๆกับเพื่อนซึ่งกลายเป็นปัญหาสังคมในที่สุด
          ครอบครัวที่อบอุ่นในสังคมไทยหายไปไหนกันหมด ความสุขคือการอยู่บ้านพร้อมหน้าในครอบครัว ทานอาหารร่วมกันในบ้านที่มีความอบอุ่น  ความสุขมิใช่การเดินตามห้างสรรพสินค้า หรือการเที่ยวเตร่ตามสถานที่ต่างๆนอกบ้าน มิใช่การกินอาหารราคาแพงๆ นั่นมิใช่ความสุขและความอบอุ่นที่แท้จริง ความสุขที่แท้จริงคือความสุขสงบทางใจ

ขนมหวานไทย ที่คุณอาจจะไม่รู้จัก?

ขนมหวานไทย ที่คุณอาจจะไม่รู้จัก?

ขนมหวานไทย   ที่คุณอาจจะไม่รู้จัก?


1. ขนมกล้วยบวดชี (Banana in Coconut Milk)

2. ขนมวุ้นกะทิ (Thai Coconut Jelly)

3. ข้าวเหนียวมะม่วง (Mango with Sticky Rice)

4. สังขยา (Thai Pandanus Custard)

5. ขนมทับทิมกรอบ (Water Chestnut with Syrub and Coconut Milk)

6. ขนมสังขยาฟักทอง (Thai Pumpkin Custard)

7. ขนมกล้วย ( Thai Steamed Banana Cake)

8. ขนมลูกชุบ (Green Peanut in Jelly)

9. ขนมหม้อแกง (ฺBaked Mung Bean Cake)

10. ขนมข้าวเหนียวดำ (ฺBlack Sticky Rice Pudding)

11. กล้วยทอด (Fried Banana)

12. ขนมเม็ดขนุน (Thai green peanut paste)

13. ขนมตะโก้ (Thai Pudding with Coconut topping)

14. ขนมทองหยอด (Egg yolk fudge balls cooked in syrup)

15. ขนมบัวลอย (Dumplings in coconut cream)

16. แกงบวดฟักทอง (Pumpkin in coconut milk)

17. ขนมฝอยทอง (Golden threads)

18. ขนมครองแครงกระทิ (Caramelized crisps in coconut cream)

19. ขนมเปียกปูน (Black coconut sweet pudding)

20. กล้วยเชื่อม (ฺBananas in Syrup)

21. ขนมถ้วย (Steamed Pandanus Cake)

22. ขนมเบื้อง (Crispy Pancakes)

23. ขนมอาลัว (Kanom A-Lua)

24. ขนมสาลี่ (Kanom Sa-Lee)

25. ขนมผิง (Kanom Ping)

26. ขนมชั้น (Kanom Chan)

27. ขนมปุยฝ้่าย (Kanom Pui-Fai)

28. ขนมครก (Kanom Krok, Coconut Rice Cake)

29. ขนมเทียน (Kanom Thien)

30. ขนมถังแตก (Pancake with Coconut)

31. ขนมน้ำดอกไม้ (Kanom Nam Dok Mai)

32. ขนมไข่นกกระทา (Kanom Kai Nok Kra Ta)

33. ขนมโตเกียว (Kanom Tokyo)

34. ขนมทองม้วน (Kanom Tong Muan)

35. ขนมทองหยิบ (Kanom Tong Yib)

36. ขนมมะพร้าวแก้ว (Sweet Coconut Ball)

37. ขนมสำปันนี (Kanom Sum Pun Nee)

38. ขนมโดนัท (Donut)

39. ขนมเค๊กกล้วยหอม (ฺBanana Cake)

40. ขนมเกสรลำเจียก (Kanom Kay Sorn Lum Jiak)